“พี่แอ๊ด พี่แหลมครับ… วิทมีทริปมานำเสนอ”
บทความสนทนาในกลุ่มไลน์ กับเพื่อนสมาชิกกลุ่มเดิม เป็นคำชวนง่ายๆแต่แฝงไว้ด้วยการป้ายยาแก้คันอย่างรุนแรง ด้วยความที่พวกเราเริ่มเสพย์ติดการ Offroad กันมากขึ้น มันมีอาการว่า ในรอบเดือนถ้าหากไม่ได้เอารถไปยืดเส้นยืดสาย หรือไปกางเต๊นท์ ก็จะเริ่มเกิดอาการทนไม่ไหว ลงแดง จนในที่สุดต้องหายามาแก้ความเสพย์ติดนี้
และแล้ว วิทก็บังเอิญมาพบกับบทความตาม link ด้านล่างนี้ครับ มันเป็นเส้นทางชื่อ น้ำตกห้วยโรง บ้านบ่อหอย เส้นทางท่องเที่ยวรอยต่อระหว่างจังหวัดแพร่ น่าน ในบทความได้กล่าวถึงกลุ่ม Offroad แก่งเสือเต้น ที่เดินทางเริ่มต้นที่น้ำตกห้วยโรง และหลังจากนั้นจึงขับรถขึ้นไปที่อำเภอบ้านบ่อหอย จากนั้นจึง Offroad ไปตามเส้นทางรอยต่อระหว่างจังหวัดแพร่-น่าน ด้วยข้อมูลเท่าที่มี ผสมกับการลองตรวจสอบในแผนที่ พร้อมกับ Keyword ง่ายๆเช่น โรงเรียนบ้านบ่อหอย ก็จะพอทำให้เราทราบแค่คร่าวๆแล้วว่า มันน่าจะต้องเริ่มต้นตรงไหน และด้วยความที่ข้อมูลมีค่อนข้างน้อย แต่เพื่อความมั่นใจ วิทเองก็ติดต่อไปยังประธานชมรม offroad แก่งเสือเต้น (คุณนพดล) ซึ่งพี่เค้าก็ให้ใจความประมาณว่า ไปที่บ้านบ่อหอยแล้วถามชาวบ้านแถวนั้นได้เลย เส้นทางมีช่วงท้าทายไม่ใช่น้อย แต่ช่วงนี้ไม่ใช่หน้าฝนก็ไม่น่ากังวลอะไร พี่นพดลยังทิ้งท้ายไว้อีกว่า หากเวลาเหลือ ขอชวนแวะมาแก่งเสือเต้น รับรองมีเส้นทางมันส์ๆอีกเพียบ วิทได้ข้อมูลเพิ่มมาเท่านี้… ก็เพียงพอให้พวกเราพร้อมลุยละครับ
และแล้ว พวกเราก็นัดกันเช้าวันที่ 6 ธันวาคม พร้อมกันที่ปตท.จังหวัดแพร่ ออกเดินทางสู่น้ำตกห้วยโรงกันครับ
ที่น้ำตกห้วยโรง เส้นทางเข้าลาดยางสบาย ในพื้นที่มีการปรับภูมิทัศน์ให้สามารถเข้าถึงตัวน้ำตกได้โดยง่าย หากเพื่อนๆอยากไปถ่ายรูป แนะนำให้ไปช่วงรุ่งเช้า หรือช่วงยามเย็น (เลี่ยงช่วงแดดแรง) จะได้ภาพน้ำตกที่สวยมากๆครับ
หลังจากแวะชมน้ำตกห้วยโรง พวกเราก็ออกเดินทางสู่อำเภอบ้านบ่อหอย เราแวะไปที่โรงเรียนบ้านบ่อหอยก่อน ระหว่างทางผ่านบ้านผู้ใหญ่บ้าน ร้านค้า บ้านเรือน ชีวิตของผู้คนที่นี่ช่างเรียบง่ายน่าอิจฉา แต่ไม่ใช่ชาวบ้านทุกคนที่จะทราบเรื่องเส้นทางบ้านบ่อหอยนี้ ที่โรงเรียนก็เผอิญเหมือนจะเป็นวันหยุดส่งผลให้การถามเส้นทางยากขึ้น ชาวบ้านไม่สามารถให้ข้อมูลที่ชัดเจนได้ พวกเราลองคลำมาเรื่อยๆตามแผนที่ จนในที่สุดเราก็เจอจุดรวมพล จุดเดียวกันที่กลุ่มแก่งเสือเต้น Offroad มารวมตัวกัน และตรงที่นั่นเองก็มีชาวบ้านที่สามารถชี้เส้นทางให้เราได้ และนั่นก็นำมาสู่เส้นทางช่วงเริ่มต้นนี้ครับ
18°30'14.7"N 100°24'31.6"E
จากจุดที่ถามข้อมูลชาวบ้าน เราเริ่มออกเดินทางเข้าสู่โซนป่าเขา ในช่วงแรกๆของเส้นทาง ยังเป็นทางที่ชาวบ้านใช้เดินทางเข้าไร่นา จึงยังมีถนนคอนกรีตหลงเหลืออยู่เป็นระยะ ประกอบกับการที่เรามาในหน้าหนาว ถนนจึงแห้งสนิท เส้นทางที่แสนลำบากจึงไม่ยากเย็นเท่าไหร่นัก แต่อย่าเพิ่งลำพองไป เมื่อไหร่ที่เลยหน่วยจัดการต้นน้ำแม่ถาแล้ว เส้นทางจะเปลี่ยนไปในทันที
หลังจากเลยหน่วยจัดการต้นน้ำแม่ถาออกมา เส้นทางจะเริ่มเป็นถนนดินลูกรัง และมีความท้าทายสูงขึ้น บางช่วงมีความชันถึง 24 องศา ถ้าหากเพื่อนๆเดินทางมาที่นี่ในช่วงหน้าฝน ขอแจ้งไว้เลยนะครับว่า รถจะต้องขับ 4x4 เท่านั้น ยาง Mud-terrain ต้องมีเป็นอย่างน้อย และ Winch ต้องได้ใช้แน่นอนครับ แต่ก็ด้วยความที่เรามาในหน้าแล้ง เส้นทางจึงไม่ยากอะไร ใช้เพียงรถขับ 4x4 ที่มีกำลังดีๆ ก็สามารถเดินทางมาได้เรื่อยๆครับ และถึงช่วงเที่ยง พวกเราก็พักทานข้าว เติมแรง เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับภาคบ่าย
จากจุดที่พวกเราพักทานข้าวเที่ยง หลังจากนั้นเราเริ่มเข้าสู่ป่าลึกขึ้นเรื่อยๆ เส้นทางจากที่เคยเป็น ไลน์ถนนกว้างๆ เริ่มเปลี่ยนเป็นทางแคบและมีต้นไม้ปกคลุม เส้นทางมีทางเบี่ยงแยกซ้ายขวา ชวนให้เข้าไปสำรวจมากมาย พวกเราเดินทางมาจนถึงป้าย หน่วยจัดการต้นน้ำแม่ถา (ป้ายเก่า) และเบี่ยงไปทางซ้ายเพื่อตามเส้นทางรอยต่อระหว่างจังหวัดไปต่อ(เมื่อเทียบจากแผนที่) จากจุดนั้นเราเริ่มเจอทางที่ขวางโดยพุ่มไม้หนาทึบมากขึ้นเรื่อยๆ วิทกับพี่แหลมต้องเริ่มเดินเท้าเพื่อสังเกตเส้นทาง และทำให้บางช่วงต้องลุยผ่านเส้นทางเดินเท้าแคบๆ เพื่อผ่านทุ่งหญ้าจนมาเจอเส้นทางรถยนต์เพื่อไปต่อได้ ทางในบางช่วงมีความชันมากขึ้นไปอีก กิ่งไม้, ใบไม้, ใบหญ้าปกคลุมทางหนาแน่น เป็นการบ่งบอกว่า เส้นทางนี้น่าจะไม่มีชาวบ้านใช้มานานเป็นเวลาแรมปี บางจุดต้องใช้มีดพร้าเพื่อถางทาง พวกเราคืบหน้าไปได้ทีละนิด พร้อมกับเวลาที่เริ่มคล้อยบ่ายมากขึ้น จนในที่สุดพวกเรามาถึงจุดที่มีต้นไม้ใหญ่ขวางทาง และไม่สามารถไปต่อได้แล้ว (ซึ่งถ้าจะไปต่อให้ได้ ต้องมีการตัดต้นไม้ ซึ่งพวกเราไม่ต้องการกระทำเช่นนั้น) พวกเราจึงตัดสินใจเดินทางกลับ เพื่อหาจุดแวะพักกางเต๊นท์ครับ (ข้างล่างนี้เป็นตำแหน่ง GPS คร่าวๆที่พวกเราไปถึงครับ)
18°34'58.8"N 100°22'36.6"E
พวกเราตัดสินใจเริ่มถอยกลับกันประมาณ 15.30 น. ซึ่งแผนคือ อยากจะหาจุดกางเต๊นท์ให้ได้ก่อนพระอาทิตย์ตก และจุดกางเต๊นท์ควรจะเป็นลานโล่งเพื่อที่จะไม่ไปรบกวนสัตว์ป่า และเพื่อความปลอดภัยของหมู่คณะ พวกเราคิดว่าการเดินทางขากลับออกไปยังอำเภอบ่อหอย หรือหน่วยจัดการต้นน้ำแม่ถาใหม่ หากเริ่มเดินทางออกตั้งแต่ตอนนี้ อย่างน้อยที่สุดพวกเราก็น่าจะกลับไปที่หน่วยจัดการต้นน้ำแม่ถาใหม่ ได้ก่อนพระอาทิตย์ลับฟ้า
ตลอดเส้นทางออก หากพวกเราเจอทางแยกตรงไหนที่พอให้รถไปได้ เราก็จะแวะจอด และส่งคนไปสำรวจเล็กน้อยเผื่อจะพบจุดกางเต๊นท์ดีๆ พวกเราย้อนกลับมาถึงเส้นทาง (ป้าย) ไปสู่หน่วยจัดการต้นน้ำแม่ถาเก่า วิทวิ่งเข้าไปสำรวจเส้นทางนี้ ซึ่งมันน่าสนใจมาก (คาใจ) ทางถนนชัดเจน เพียงแต่เวลาเริ่มคล้อยเย็นมากแล้ว วิทเดินเท้าไปประมาณครึ่ง กิโลเมตร ก็ยังไม่เจอจุดกางเต๊นท์ที่ดี จึงตัดสินใจแจ้งพี่ๆให้เดินทางย้อนกลับออกไปอีก และหวังจะไปถึงหน่วยจัดการต้นน้ำแม่ถาเพื่อความปลอดภัย
แต่แล้ว เรามาเจอทางแยกอีกเส้นหนึ่ง เป็นทางย้อนขึ้นเขาไป จากที่มองคร่าวๆ พวกเราลังเลและคิดว่ามีความเป็นไปได้ ที่หากเราขึ้นเขาลูกนี้ไปอาจจะไปเจอยอดดอย และถ้าอีกฝั่งเป็นลานโล่ง มันจะทำให้เราสามารถกางเต๊นท์ได้และน่าจะได้พบอะไรดีๆ วิทจึงไม่รอช้า อาสาวิ่งขึ้นไปสำรวจดู และเมื่อวิทวิ่งขึ้นไปถึงยอดดอย วิวทิวทัศน์ที่เห็น, ทำเล, และการมองเห็นบ้านหนึ่งหลังไกลๆ ทำให้วิทลังเล พร้อมกับ ว.มาแจ้งพี่ๆว่า “วิทลังเลอ่ะครับพี่ ขอพี่ๆลองขับรถมาช่วยกันดูได้มั้ยครับ บนนี้มีทางกลับรถได้”
พวกเราตัดสินใจขับรถทั้ง 3 คัน ออกนอกเส้นทางเดิม เพื่อลองหาจุดกางเต๊นท์ และมันก็พาเรามาจนถึงบ้านหลังนั้นที่เห็นแต่แรกไกลๆ แต่ที่บ้านหลังนี้มีไม้กั้นขวางเส้นทางอยู่ พวกเราไม่กล้าเปิดไม้กั้นขวางเข้าไป (กลัวการบุกรุก) และในระหว่างที่กำลังตัดสินใจจะถอยรถยาวๆ แต่ทันใดนั้นเอง ไม้กั้นก็ถูกดึงเปิดออกโดยชาวบ้าน พวกเราดีใจมากและไม่รอช้า รีบเดินเข้าไปสอบถามเพื่อขอพักอาศัยสัก 1 คืน และแล้วโชคชะตาก็พาเราให้มาพบกับ “ลุงยิ่ง แสงสมิง” ผู้มีอาชีพเลี้ยงวัว และดูแลที่ผืนนี้ ลุงยิ่ง ตอบอย่างใจดี อนุญาตให้เราใช้พื้นที่พักแรมได้ 1 คืน ถือว่าเป็นโชคอันแสนดีของพวกเรา แน่นอนพวกเรารีบจัดการกางเต๊นท์ ทำอาหาร และในที่สุด Camp วันนี้ก็จบลงโดยสมบูรณ์
18°31'42.0"N 100°24'08.6"E
เช้าตรู่ที่อำเภอบ้านบ่อหอย พระอาทิตย์ขึ้นสาดแสงสีทอง ทอดยาวลงบนผืนภูเขาสีฟ้าสวยงาม ลุงยิ่งแวะมาทักทายพร้อมหุงหาอาหารเช้ามาแบ่งปัน พวกเราก็เองก็เตรียมอาหารไว้แบ่งปันเพื่อแทนคำขอบคุณลุงยิ่งเช่นกัน หลังจากนั้น เราสนทนากันเล็กน้อย และในที่สุดก็ถึงเวลาต้องอำลา อำเภอบ้านบ่อหอย ที่นี่ได้สร้างความทรงจำอันสวยงามให้เรามากมาย และมันก็จะคงอยู่ในใจพวกเราไปอีกนานแสนนาน
ท้ายที่สุดนี้ พวกเราขอขอบคุณ ลุงยิ่ง แสงสมิง อีกครั้ง ที่มีจิตใจเอื้อเฟื้อ แบ่งปันที่ให้เราค้างแรมกันครับ หากไม่ได้ลุงยิ่ง พวกเราคงไม่ได้รับประสบการณ์ที่ดีขนาดนี้ และขอขอบคุณชาวบ้านอำเภอบ่อหอย ที่ให้ข้อมูลเรื่องเส้นทาง เปิดประสบการณ์แก่พวกเรา ขอบคุณอีกครั้งครับ
หากเพื่อนๆได้แวะไปเที่ยวที่นี่ ก็ขอให้ช่วยกันอนุรักษ์ผืนป่าและวิถีของชาวบ้านเอาไว้ด้วยนะครับ ขอบคุณมากๆครับ
ชาญวิทย์ จงธนะวณิช และ อารีย์ลักษณ์ ตระกูลมุกทอง