2019-11-09 - Offroad to Doi-Soi-Malai-29_Resize.jpg

2019-11-09 - Offroad to Doi-Soi-Malai

2019-11-09 : Offroad to Doi-Soi-Malai

“สอยมาลัย… แอ๊ดติด Winch หรือยัง”

และนี่คือประโยคอันแสนเรียบง่าย ซึ่งเป็นการออกปากชวนพี่แอ๊ดและน้องๆในกลุ่ม Offroad เพื่อส่งสัญญาณว่า พี่แหลมสนใจอยากจะไปดอยสอยมาลัย การทักทายครั้งนี้ติดตลกผสมโรงกับการป้ายยาให้เพื่อน (พี่แอ๊ด) รีบไปติด Winch เพื่อเตรียมตัวจะออกทริปกันอีกครั้งหนึ่ง และแล้วทริปนี้ก็เริ่มต้นขึ้นจากคำชวนง่ายๆ ผสมกับพวกเราคนใจง่าย พร้อมใจเจอกันที่ จังหวัดตาก ตอนเช้าวันเสาร์ที่ 9 พฤศจิกายน, Ford Ranger Raptor 3 คันและเพื่อนร่วมทาง 6 ชีวิต ออกเดินทางสู่จุดสูงสุดของจังหวัดตาก…. เรามาชมกันครับว่า พวกเราได้ไปเจออะไรมาบ้าง

พวกเรานัดกันที่ PTT ในตัวเมืองตอนเช้าตรู่ เวลา 8.30 น. เมื่อพบกันแล้ว พวกเราต่างหาของกินรองท้อง เพื่อเตรียมตัวสำหรับประสบการณ์ใหม่ๆที่จะเริ่มขึ้นในวันนี้ และใช้เวลาไม่นานขบวนของเราก็ออกเดินทางสู่ “ศูนย์บริการนักท่องเที่ยวดอยสอยมาลัยเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าแม่ตื่น”, พักทำธุระส่วนตัว จากนั้นจึงไปลงทะเบียนเพื่อแจ้งเจ้าหน้าที่ สอบถามสภาพอากาศและเส้นทาง ซึ่งก็ได้ความว่า ฝนได้ผ่านไปแล้ว แต่ถนนจะยังแฉะๆอยู่, อากาศเย็นและมีหมอกเยอะ… ได้ยินเช่นนี้ พวกเราไม่รอช้า รีบถ่ายรูปรวมและเริ่มลุยขึ้นดอยประมาณ 10.00 น.

ระยะทางประมาณ 4 Km. จากจุดเริ่มต้นจนถึงป้อมเจ้าหน้าที่สื่อสาร ตลอดเส้นทางมีหมอกลงหนา แต่พวกเราก็ค่อยๆผ่านอุปสรรคมาได้เรื่อยๆ แต่ยังไม่ทันไรรถของวิทก็ตกหลุมพร้อมกับมีหินข้างทางกระแทกบันไดบุบก่อนเพื่อนแล้ว (ภาพสุดท้าย) และนั่นเป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้นของบาดแผลเท่านั้น

เมื่อพวกเราเดินทางมาถึงป้อมของเจ้าหน้าที่สื่อสาร (กม.ที่ 4) แวะพักผ่อนกันสักเล็กน้อย, สอบถามเจ้าหน้าที่ถึงจุด Camping ต่างๆ, ระยะทาง และเส้นทางที่เรากำลังจะเจอข้างหน้า เจ้าหน้าที่แจ้งว่า ระหว่างทางมีต้นไม้ล้มในบางจุด แต่ทางเจ้าหน้าที่ก็ยังประเมินว่า รถของพวกเราน่าจะสามารถค่อยๆขับไปจนถึงปลายทาง ดอยสอยมาลัย ระยะทางอีกประมาณ 8 กม.ได้ และข้างบนยอดดอยยังมีนักท่องเที่ยวอยู่อีกหนึ่งกลุ่มก่อนหน้าเรา ซึ่งคาดว่าพวกเค้าน่าจะสวนทางกับพวกเราลงมาในวันนี้ เมื่อทราบข้อมูลทั้งหมด พวกเราก็เริ่มออกเดินทางต่อสู่ยอดดอยสอยมาลัยทันที

หลังจากออกเดินทางมาได้ครู่เดียว พวกเราก็ได้พบกับเพื่อนร่วมทางคนใหม่โดยบังเอิญ แต่การพบกันในครั้งนี้ พวกเราตื่นตาตื่นใจไม่ใช่น้อย เพราะมันไม่ใช่การเจอกันโดยขับตามกัน หรือขับสวนทางกันลงมา แต่มันเป็นการเจอเพื่อนร่วมทางที่กำลังติดหล่มและรถขวางทางอยู่ไม่สามารถไปไหนได้ และเค้าพยายามดิ้นรนต่อสู้เต็มที่เพื่อให้รถของตัวเอง หลุดออกจากอุปสรรคครั้งนี้ให้ได้…. และเค้าได้ต่อสู้ตัวคนเดียวมาสองชั่วโมงแล้ว… นับถือใจเลยครับ และแน่นอน… พวกเราก็ต้องช่วยดึงเค้าขึ้นมาสิครับ

เพื่อนร่วมทางคนใหม่ของเราคนนี้ชื่อ “คุณนิค” เมื่อพวกเราสามารถกู้รถคุณนิค ให้กลับเข้าสู่เส้นทางได้แล้ว พวกเราจึงถามถึงประสบการณ์เกี่ยวกับการ Offroad และจุดมุ่งหมายว่าจะไปเส้นทางนี้ต่อหรือไม่ และคำตอบที่ได้ก็ไม่ได้ทำให้เราผิดหวัง ถึงแม้รถของคุณนิค อาจจะไม่ได้พร้อมที่สุด แต่ก็มีศักยภาพพอที่จะมีลุ้นให้ไปถึงปลายทางได้ แต่ที่สำคัญกว่าคือ “ใจของคนขับ” ที่ยังไม่ยอมแพ้ต่ออุปสรรค และเอ่ยปากออกมาว่า… “ขอติดไปด้วยคนนะครับ…” เท่านี้ก็เพียงพอแล้ว หลังจากนั้นพี่แอ๊ดก็แบ่งวิทยุสื่อสารให้ และถือว่าเราได้เพื่อนร่วมทางมาเพิ่มอีก 1 คันครับ

เส้นทางเริ่มมีความท้าทายมากขึ้น หมอกยังคงลงหนา บางสถานการณ์คนขับไม่สามารถเห็นเส้นทางถนนได้ทั้งหมด ต้องมีเพื่อนร่วมทางที่มีประสบการณ์และเข้าใจคอยบอกเส้นทาง ให้สามารถผ่านไปได้อย่างราบรื่น

พวกเราเริ่มเจออุปสรรคบางจุด ที่ยากขึ้นเรื่อยๆ ถึงแม้จะเป็นรถกระบะขับเคลื่อน 4 ล้อ แต่ถ้าหากเจอพื้นผิวที่ลื่นมากๆ กำลังของรถทั้ง 4 ล้อก็ยังคงไม่เพียงพอที่จะฉุดให้รถสามารถผ่านอุปสรรคนั้นมาได้ พวกเราต้องเริ่มใช้ Winch เพื่อลากจูงกันขึ้นมาเรื่อยๆ ณ จุดนี้ คนขับ Offroad จะทราบกันดีว่า ยาง MT เหมาะกับสถานการณ์นี้มากๆ

เส้นทางส่วนใหญ่เป็นเพียงทางแคบๆ มีทั้งหินก้อนใหญ่และสูงอยู่สลับซ้ายขวา บางจังหวะลุยมากหน่อย ไม่สามารถหลบได้ ก็ต้องยอมกระแทกก้อนหินกันไป ร่องรอยบาดแผล ก็จะค่อยๆมีมากขึ้นเรื่อยๆตามเส้นทาง ในบางจังหวะสามารถถนอมรถหน่อย ก็จะค่อยๆหย่อนลงช้าๆค่อยๆผ่านกันไปได้ แต่ถึงกระนั้นแล้ว บางจุดก็ยังคงต้องใช้ Winch เพื่อลากกันขึ้นมาอยู่ดี สมกับชื่อเสียงอันเลื่องลือของ ดอยสอยมาลัย

และแล้วเวลาก็ล่วงเลยมาถึง บ่ายโมงครึ่ง ในที่สุด พวกเราก็เจอเพื่อนร่วมทางอีกกลุ่มหนึ่ง แต่ครั้งนี้เป็นกลุ่มพี่ๆ ที่กำลังเดินทางกลับ สวนลงมาจากยอดดอยสอยมาลัย เท่าที่พบกันแว๊บแรก มองไกลๆก็สามารถทราบได้เลยว่า รถของพี่ๆกลุ่มนี้มีความพร้อมลุยมากๆ ยางเป็นยางตะขาบ รถยกสูง มี Winch กันทุกคัน อุปกรณ์ครบมือ ในจังหวะที่สวนกัน วิทก็เปิดกระจกทักทายสวัสดีและสอบถามถึงเส้นทางข้างหน้า ซึ่งจากการประเมินของพี่ๆเค้า และด้วยความเป็นห่วง พวกพี่ๆเค้าจึงแจ้งเตือนว่า ข้างหน้าเส้นทางมีอุปสรรคอันตรายค่อนข้างเยอะ บางช่วงมีร่องลึก อีกทั้งบางช่วงมีต้นไม้ล้ม แต่พวกพี่ๆเค้าก็ได้ช่วยเบิกเส้นทางให้บ้างแล้ว แต่ถ้าจะให้ดี ควรพักหรือย้อนกลับที่ “ศาลา 8 เหลี่ยม” น่าจะดีที่สุดกับพวกเรา เมื่อวิทได้ฟังคำเตือนนี้ ก็ส่งสาสน์นี้ไปยังเพื่อนร่วมทริป และจึงตัดสินใจร่วมกันว่า เอาหล่ะ ไหนๆก็มาแล้วไปให้ถึง ศาลา 8 เหลี่ยมก่อนแล้วค่อยว่ากัน

พวกเราพักทานข้าวเที่ยงกันที่ศาลา 8 เหลี่ยม และจากคำเตือนด้วยความหวังดีของพี่ๆกลุ่มที่สวนลงมา ทำให้พวกเรายิ่งต้องรอบคอบมากขึ้น การเดินเท้าไปสำรวจเส้นทางก่อนตัดสินใจเดินหน้าต่อจึงจำเป็นอย่างยิ่ง แต่หลังจากที่คุณนิคได้ลองไปสำรวจเส้นทางแล้ว พวกเราก็คิดว่า ไหนๆก็มาถึงนี่แล้ว ขอลองสู้ดูสักตั้งว่า พวกเราจะไปได้ถึงไหนกัน

และเพียงไม่นาน พวกเราก็ได้พบกับต้นไม้ใหญ่ที่ล้มขวางทาง แต่ข้างซ้ายของต้นไม้ ก็มีเส้นทางอ้อมหลบต้นไม้ใหญ่ที่ล้มขวางอยู่ แต่เส้นทางนี้ก็จะท้าทายกำลังของรถด้วยการต้องออกแรงขับเพื่อลุยดินโคลนออกไป และหลังจากนั้นพวกเราก็มาถึงจุด Highlight ของเส้นทางสู่ยอดดอยสอยมาลัย เส้นทางเริ่มเป็นร่องลึก และแคบมาก พร้อมกับเส้นทางที่มีมุมทะแยงดักรออยู่ค่อนข้างเยอะ ต้องอาศัยความชำนาญและประสบการณ์ของคนขับเป็นอย่างมาก

และแล้ว ก็เกิดเหตุการณ์ที่เราไม่คาดคิด รถ Isuzu 4x4 ของคุณนิค ตกลงหลุมในจังหวะที่รถอยู่ในมุมตะแคง (ล้อรถข้างขวาหน้าตกหลุม และตัวรถเองอยู่ในมุมที่ตะแคงไปทางขวาอยู่ด้วย) จึงทำให้รถเสียศูนย์ พลิกตะแคงไปข้างๆอย่างรวดเร็ว (ถ้าดูในคลิป VDO ข้างล่างจะเห็นว่าทั้งหมดเกิดขึ้นในช่วงเพียงไม่กี่วินาที) แต่โชคยังดีที่เส้นทางเป็นทางแคบมีกำแพงกันดิน ทำให้รถเพียงแค่ตะแคงไปข้างๆไม่ถึงกับพลิกคว่ำ และตัวคนขับเองก็ไม่ได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด

เมื่อเกิดเหตุการณ์รถพลิกตะแคง หนทางแก้ไขก็มีแค่ ต้องดึงให้รถกลับเข้ามาให้อยู่ในเส้นทางให้ได้ ไม่เช่นนั้น รถก็จะขวางทางทำให้ไม่สามารถเดินทางต่อไปได้ โชคดีที่สองก็คือ ตำแหน่งที่รถของคุณนิคตะแคงอยู่นั้น ทางด้านซ้ายมือ มีต้นไม้ใหญ่ให้สามารถเอา Snatch Block (รอก) ไปคล้องเพื่อเปลี่ยนทิศทางให้ Winch สามารถดึงรถกลับเข้ามาสู่ตำแหน่งเดิมได้, วิทก็เริ่มปล่อยสาย Winch ออกจากตัวรถ นำมาคล้องผ่าน Snatch Block โยงไปยังข้างซ้ายของรถคุณนิค ส่วนปลายสายผูกเข้ากับคานซ้ายของรถ และค่อยๆใช้ Winch ดึงกลับเข้าสู่ตำแหน่งปกติ หลังจากนั้น รอสักครู่ให้รถสามารถ Start ติดได้ แล้วจึงดึงรถถอยหลังออกมาอีกประมาณ 2 เมตร เพื่อให้รถกลับมาสู่ตำแหน่งที่จะค่อยๆเดินทางต่อได้

โชคซ้อนครั้งที่ 3 คือตัวรถเสียหายเพียงเล็กน้อย มีแค่กรอบกระจกข้างที่แตกไป ส่วนร่องรอยบุบเสียหายแทบจะไม่มี พวกเรายังคงสามารถเดินทางไปต่อได้ครับ

แล้วพวกเราก็ออกเดินทางต่อมาได้เรื่อยๆ ถึงแม้จะมีอุปสรรครออยู่อีกบ้าง แต่มันก็ไม่หนักหนาอะไร จนในที่สุดพวกเราก็ได้พบกับวิวระหว่างทางของดอยสอยมาลัยที่ช่างสวยงาม คุ้มค่ากับอุปสรรคที่ผ่านมา ความเหนื่อยก็ได้หายไปในทันที

“มีเงินเป็นพันเป็นหมื่นล้าน ก็ไม่สามารถครอบครองวิวแบบนี้ไว้ได้”

จากจุดชมวิวสวยๆ พวกเราก็คิดว่า น่าจะหมดทุกอุปสรรคแล้ว แต่… ดอยสอยมาลัย ก็ยังมีสิ่งน่าสนุกรอเราอยู่ พวกเราเดินทางมาถึงจุดที่เป็นร่องลึกและดินโคลนลื่น จุดนี้ เป็นจุดที่ไว้ทดสอบสมรรถนะของรถเลยครับ มาดูกันว่า พวกเราผ่านกันไปได้อย่างไร

ในที่สุด พวกเราก็มาถึง หน่วยจัดการต้นน้ำเก่า หรือก็คือ ปลายทางของดอยสอยมาลัยนั่นเอง พวกเราทุกคนดีใจและมีความสุขกันมาก ทั้งที่สามารถพาตัวเองและคุณนิคมาถึงจุดหมายด้วยกันได้อย่างปลอดภัย จากนั้นพวกเราก็เลือกทำเลสำหรับตั้ง Camp ในคืนนี้… ถ่ายรูปแสงสุดท้ายของวัน… ทำอาหาร, นั่งคุย, พักผ่อน เป็นช่วงเวลาอันแสนวิเศษที่จะอยู่ในใจของพวกเราตลอดไป

วิวตอนเช้ายามพระอาทิตย์ขึ้นสู่ท้องฟ้า

และแล้ว ก็ถึงเวลาที่พวกเราต้องเดินทางกลับ อุปสรรคบางจุดที่สามารถผ่านมาง่ายๆได้ตอนขาขึ้น ในทางกลับกัน ขาลงอาจไม่ง่ายอย่างที่คิด

กลับมาผ่านเส้นทางแคบอีกครั้ง แต่ครั้งนี้เป็นการไต่ขี้นเนินหิน ต้องมีเพื่อนร่วมทางคอยบอกเส้นทางตลอด

ทางอ้อมผ่านต้นไม้ใหญ่ล้ม จุดที่เคยผ่านได้ ก็กลับกลายเป็นต้องใช้ Winch ช่วยฉุดลากขึ้นมา

เส้นทางแคบก็ยังคงต้องคอยระวังก้อนหินใหญ่สลับซ้ายขวาเช่นเดิม

บทสรุป

เคยมีคนถามวิทว่า ทำไมถึงต้องพาตัวเองมาลำบากแบบนี้ด้วย คำตอบที่วิทสามารถบอกได้ มีเพียงแค่ “มันอยู่ที่ระหว่างทาง” ซึ่งหมายถึงว่า จุดหมายปลายทาง มันไม่ใช่สิ่งที่สำคัญที่สุด แต่กลับเป็นระหว่างทางที่เกิดเรื่องราวต่างๆมากมาย, ได้เห็นน้ำใจบนเส้นทาง Offroad, มิตรภาพดีๆที่พบบนเส้นทาง, ความตื่นเต้นตลอดระยะเวลาที่เดินทาง ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นประสบการณ์อันน่าหลงไหล ไม่สามารถพบได้ทั่วไป

วิทและแก ขอขอบคุณ

  • พี่แหลม ที่ชวนมาออกทริปนี้ ขอบคุณมากๆครับพี่ ถ้าไม่ได้ประสบการณ์ของพี่แหลมที่คอยบอก Line ผมต้องลำบากกว่านี้แน่ๆเลยครับ

  • พี่แอ๊ด ที่ช่วยเตรียมอุปกรณ์ขาลุยมาพร้อมสุดๆ ทั้งเชือกทั้ง Snatch Block ของพี่แอ๊ด ถ้าไม่มีสิ่งเหล่านั้น คงมาไม่ถึงปลายทางแน่ๆเลยครับ อีกทั้งพี่แอ๊ดยังช่วยนำทางได้เนียนกริบมากๆครับ

  • เจ๊เอ เจ๊นัท ที่ทำอาหารอร่อยมาาาาาากกกกกกกกกก มากับพี่ๆไม่มีอดตายแน่นอนครับ 555 :D

  • น้องนิค ที่ช่วยขุดดินเกลี่ยเส้นทางและยังคอยช่วยบอก Line, มาครั้งนี้ จบปริญญาเอกเลยนะครับ :D

  • พี่ๆกลุ่มที่มาก่อน ที่ช่วยบุกเบิกเส้นทางและตัดต้นไม้ให้ครับ

ชาญวิทย์ จงธนะวณิช และ อารีย์ลักษณ์ ตระกูลมุกทอง